วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ใส่ยูกาตะไปงานดอกไม้ไฟ

 
หน้าร้อนมีงานดอกไม้ไฟจัดหลายที่
ฉันก็ได้ไปงานดอกไม้ไฟใหญ่ที่โอซาก้ามาปีที่แล้ว
สวยงามมาก
ปีนี้ฉันไม่ได้ไป ดูจากระเบียงไกลๆ (ขี้เกียจ^^ คนเยอะ)
แต่หลานของฉันได้ไปงานดอกไม้ไฟแถวบ้าน

 ไปงานหน้าร้อนคนชอบแต่งตัวยูกาตะกัน
ไม่ใช่กิโมโนนะ กิโมโนคือ formal  ยูกาตะคือ casual
ผ้ายูกาตะบาง เป็นผ้าฝ้าย 
หลานของฉันก็อยากจะใส่ยูกาตะ 
แต่รุ่นใหม่คนส่วนใหญ่ใส่เองไม่ได้นะ
คุณยาย ย่าต้องค่อยช่วย
สิ่งที่ยากตอนใส่ยูกาตะคือการพันโบเรียก "โอบิ"
มีโอบิสำเร็จรูป แต่พันเองจะสวยกว่าค่ะ

นี่คือโอบิ
ยาวมากๆใช่ไหม
พัน ๒-๓ รอบ และมัดเป็นโบ
 คนไม่ชินใส่กิโมโน หรือ ยูกาตะจะรู้สึกแน่น หายใจไม่ออกเจ้า
แต่หลังตรง เดินชาๆ ดูน่ารักคิขุอาโนเนะนะ ^ ^

 

วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ประหยัดพลังงานเถอะ

นี่คือรถไฟของแถวบ้าน
มีอะไรไม่ปกติไหม
มีคนน้อยไป -ไม่ใช่
คำตอบคือไฟไม่เปิด
ตั้งแต่เกิดแผ่นดินไหว หรือ อุบัติเหตุของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
เราต้องคิดเรื่องพลังงาน
โดยเฉพาะหน้าร้อนเราใช้แอร์กันเยอะมาก
ถ้าไฟไม่พอ และ ไฟดับจะเกิดความวุ่นวายในเศรษฐกิจ โรงพยาบาล ฯลฯ
ก็เลยเราทุกคนต้องพยายามประหยัดพลังงาน
รถไฟก็เช่นกัน
ปิดไฟเป็นช่วงๆ
ปิดไฟก็สว่างอยู่ น่าจะปิดไฟตลอดปีนะ



วันพุธที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2555

นาคิซูโม่ - แข่งขันการร้องให้


วันนี่ได้ไปดูการแข่งขันซูโม่
คุณรู้จักซูโม่ใช่ไหม เป็นกีฬาประจำชาตินะ
นักซูโม่ตัวใหญ่ก็จริง แต่ส่วนใหญ่เป็นกล้ามเนื้อนะ
เค้ากินเยอะ แต่ออกกำลังกายเยอะ เป็นหลายชั่วโมง
รู้ไหมว่าตอนนี้นักซูโม่เป็นชาวต่างชาติเยอะมาก
มาจากประเทษมองโกเลีย บัลแกเรีย เอสโตเนีย รัสเซีย ฯลฯ
นักซูโม่เก่งๆ แรงๆ ตอนนี้คือนักซูโม่ชาวต่างชาติ ไม่ใช่คนญี่ปุ่นนะ
โดยเฉพาะชาวมองโกเลีย

แต่นักซูโม่ในรูปนี้ตัวผอม มีแต่กระดูก
เพราะการแข่งขันนี้ไม่ใช่สำหรับผู้ใหญ่
สองคนนี้เป็นแค่ผู้ช่วยค่ะ
ตัวเอกวันนี้คือเด็กๆ
เด็กชาย และ ญิง อายุตั้งแต่ ๖ เดือน ถึง ๒ ขวบครึ่ง
(แล้วแต่งาน)
 
 
การแข่งขันซูโม่นี้เรียกว่า "นาคิซูโม่" (Naki Sumo/ Naki Zumo)
ซึ่งแข่งขันการร้องให้
เด็กที่ร้องให้ก่อนจะชนะ
หรือว่าไม่แข่ง แต่ทำให้เด็กร้องให้ทั้งสองคน
 
 
ถ้าเด็กไม่ร้องให้ ผู้ตัดสินจะทำหน้าตลก พูดเสียงดัง หรือ ทำให้ตกใจ
เด็กๆก็จะกลัว และ ร้องให้

แม่---------!!
สงสารไหมคะ
ทําร้ายจิดใจของเด็กไหม
ไม่ใช่นะเจ้า
นี่คือประเพณีซึ่งอธิษฐานว่าเด็กจะสุขภาพแข็งแรง
ยิ่งร้องให้ดังยิ่งดีค่ะ
ขอให้เด็กๆสุขภาพแข็งแรงเนอเจ้า





วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เยลลี่กาแฟ

อากาศร้อนอย่างนี้อยากกินอะไรเย็นๆ 
มีนมจืดสดเหลือในตู้เย็นก็เลยทำเยลลี่กาแฟค่ะ
ปกติเยลลี่กาแฟทำด้วยกาแฟ และราดด้วยนมข้นหวาน
แต่ฉันทำแบบเยลลี่กาแฟลาเต้
ใช้กาแฟสดก็หอมอร่อยดี




วันอังคารที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เวลาถอดรองเท้า คุณจะถอดอย่างไรคะ

 มีบางอย่างที่เราทำเป็นเรื่องธรรมดา
แต่สำหรับคนอื่นมันแปลก
ความแตกต่างมีระหว่างเพื่อน ระหว่างสามีภรรยาก็มี
โดยเฉพาะระหว่างชาวต่างชาติต่างกันมาก
วันหนึ่งเพื่อนคนไทยของฉันถามว่า
สงสัยมานานแล้ว 
ทำไมคนญี่ปุ่นเวลาถอดรองเท้าถึงหันหัวรองเท้าออกด้านนอกค่ะ 
คนไทยถอดหันหัวเข้ากลับออกมาก็หันหลังใส่ค่ะ 
ตอนเราทัวร์วัดเห็นและจำได้ว่ามะลิก็ชอบทำแบบญี่ปุ่นถึงแม้อยู่เชียงใหม่ตั้ง ๑๓ ปีอ่ะ

 จริงหรือ
ตอนฉันอยู่เมืองไทยฉันก็ถอดรองเท้าอย่างคนไทยถอดนะ
แต่อาจจะติดนิสัยก็ถอดรองเท้าแบบคนญี่ปุนบ้างโดยไม่รู้ตัวนะ
ฉันชอบแบบคนไทยนะ เพราะง่ายดี
แต่อยู่ญี่ปุ่นบางครั้งฉันก็ลืมตัว และถอดรองเท้าแบบคนไทย
และ รู้ตัวก็อาย เพราะไม่เรียบร้อยสำหรับคนญี่ปุน
โดยเฉพาะเราเป็นผู้ใหญ่แล้ว ต้องทำตัวเหมาะสม

ตอนฉันอยู่เมืองไทยใหม่ๆ
ฉันก็ตกใจว่าทำไมคนไทยถอดรองเท้าส้นเท้าออกด้านนอกนะ
บางครั้งฉันเห็นคนไทยถอดรองเท้าตามเดินนะ
ด้านหนึ่งอยู่ข้างหลัง และ อีกด้านหนึ่งอยู่ข้างหน้าหางกัน
อย่างนี้สำหรับคนไทยก็คงไม่เรียบร้อยนะ

 เราถูกสอนว่าเวลาถอดรองเท้าต้องเรียงรองเท้าอย่างนี้
แต่ก็ไม่ใช่เป็นอย่างนี้ตลอดนะ
เด็กๆ (และ ผู้ชาย)มักจะไม่สนเท่าไร แม่ก็เลยตะโกนตลอดว่า
"ต้องบอกกี่ครั้งเนี่ย จัดใหม่เดียวนี่"

ทำไมถึงต้องถอดรองเท้าอย่างนี้ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน
มันมารยาทนะ
บางคนบอกว่าดูดี เรียบรอย
บางคนก็บอกว่าใส่ง่าย
ถ้าแขกถอดรองเท้ากลับด้าน
เราจะจัดให้แทน
เพราะเค้าจะใส่ง่ายเวลากลับบ้าน
ที่เมืองไทยก็มีมารยาทหลากหลายนะ
เดียวฉันจะเขียนเรื่องมารยาทญี่ปึ่นเรื่อยๆนะค่ะ






วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ดื่มน้ำแตงโมก็คิดถึงเมืองไทย

อากาศที่ญี่ปุ่นยังร้อนมากๆ
ไม่อยากไปข้างนอกเลย
มีแตงโมเหลือเยอะก็เลยทำน้ำแตงโม
ที่จริงแตงโมแพง (ทุกอย่างแพง ^ ^) ก็โดยปกติเราจะไม่ทำเป็นน้ำ
กินดีกว่า เพราะการทำเครื่องดื่มจะใช้ปริมาณแตงโมเยอะแยะ
มันเสียดาย ไม่เหมือนเมืองไทยนะ
แต่คราวนี้เรามีแตงโมจากวันนั้น
ก็เลยทำเป็นเครื่องดื่ม 
ตอนฉันอยู่เชียงใหม่ชอบดื่มน้ำแตงโมปั่นมาก
แก้ความร้อน สดชื่น

เครื่องปั่นของฉันไม่ค่อยดี ปั่นไม่ได้
ก็ทำเป็นน้ำแตงโมเชยๆ
ไม่ใส่น้ำเชื่อม หรือ เกลือ เพราะไม่ชอบ
แต่ใส่น้ำแข็งน้ำแตงโมที่ทำไว้รอย
ทำให้เย็นตลอด
ละลายก็ไม่จืด เข้มข้นดี
ลำแต้ๆ คิดถึงเมืองไทยเน้อเจ้า


วันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2555

นิทรรศการ Yoshitomo Nara in Yokohama

ได้ไปนิทรรศการ "a bit like you and me..."
ของศิลปินดังชื่อ Yoshitomo Nara ที่พิพิธภัณฑ์โยโกฮาม่า
เค้าเคยร่วมนิทรรศการ "ซอยสบาย" ที่กรุงเทพฯในปี ๒๕๔๙
คงมีคนได้ไปดูบ้างนะ


คุณนาราบอกว่าเมื่อก่อนเค้าคิดแต่ความสัมพันธ์ตัระหว่างตัวเองกับงานของเค้าเท้านั้น
ไม่สนใจผู้ชมเลย มันไม่สำคัญ
แต่ช่วงหลังความคิดเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
ตอนนี้เค้ายังคิดว่างานสำคัญต่อเค้าอยู่
งานทุกชิ้นคือตัวเอง และ ของเค้า
แต่ก็ถ้าผู้ชมรู้สึกว่างานบางชิ้นดูคร้ายผู้ชม หรือ เพื่อนเค้าก็แล้วกัน
งานไม่ใช่ของตัวเองคนเดียวแล้ว
ก็เลยตั้งชื่อนิทรรศการว่า  "a bit like you and me..."
แปลว่า "ดูคร้ายคุณ และ ผม"

ข้อมูลนิทรรศการ
จัดจนถึง 23 เดือนกันยายน 2555

ห้องข้างนิทรรศการ"a bit like you and me..." เป็นห้องที่แสดงงานของศิลปินหลายคน
ห้องนั้นก็มีงานของคุณนาราบ้างค่ะ
อย่าพลาดนะจ๊ะ

วันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ตีแตงโมกัน

ได้แตงโม
ลูกใหญ่มากๆ
หน้าร้อนเป็นหน้าแตงโม
ต้องรีบกินนะ

เวลาคนญี่ปุนไปทะเล หรือ แม่น้ำกับเพื่อนๆหลายคน
เราชอบเล่น "สุอิคะวาริ"(suika wari)
ซึ่งเราปิดตาด้วยผ้า และ ถือ
ไม้เบสบอลพยายามเดินหาแตงโม
คนรอบๆจะตะโกนว่าแตงโมอยู่ใน
แล้วคนถือไม้คิดว่าถึงแตงโมแล้วก็ตีอย่างแรง
เราจะเปลี่ยนคนจนแตงโมแตก
แล้วกินแตงโมกัน
ไม่ต้องใช้มีดนะ สนุกดี
แต่คราวนี้เราเล่นในบ้านก็เลยใช้หนังสือพิมพ์แทน
แค่เล่นเชยๆ ไม่อยากผื้นเลอะเทอะนะเจ้า


วันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ไหว้บรรพบุรุษที่สุสาน

คราวก่อนเขียนเรื่อง "บงโอโดริ"(Bon Odori)"
ช่วง ๑๓-๑๕ ส.ค. เรามีพักยาว
คนส่วนใหญ่จะกลับบ้าน และไปไหว้บรรพบุรุษที่สุสานกัน
คล้ายเชงเม้ง ตังโจ่ยหรือเปล่านะ 
นี่คือสุสานค่ะ
ที่เห็นทั้งหมดคือสุสาน
กว้างไหม
 ครอบครัวเราก็ไปสุสานกัน
แต่ละครอบครัวจะมีสุสาน 
แล้วเราจะเก็บกระดูกอยู่ในนั้น
ไม่ใช่คนละสุสานนะ
มีช่องว่างอยู่ในฐาน เปิดปิดได้
(แต่ให้เจ้าหน้าที่เปิดนะ)
พ่อฉันเสียชีวิตปีที่แล้ว กระดูกพ่อก็อยู่ในนั้น
คุณปู่ และ คุณยายด้วย
เราก็ทำความสะอาด และ จุดธูปไหว้

สุสานจีนที่เชียงใหม่
เราจะไม่ทานอาหารกันหน้าสุสานเหมือนเชงเม้งนะ
แต่ที่เกาะโอกินะวะจะทานกันค่ะ
เพราะมีอิทธิพลของไต้หวันค่ะ

 คุณปู่ คุณยาย คุณพ่อกลับมาหรือยังนะ

วันพฤหัสบดีที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2555

งานฤดูร้อน

หน้าร้อนจะมีงาน "บงโอโดริ"(Bon Odori)
มีเวทีตรงกลาง และมีคนตีกลองอยู่บนนั้น
งานนี้จัดตอนเย็น
เพราะกลางวันร้อนมากๆ

เราจะเต่นรอบเวที
ผู้ญิ่ง และ เด็กๆชอบใส่ชุดยูกาตะค่ะ
"บงโอโดริ"มีความหมายว่า"บง"คือช่วง ๑๕ ก.ค. หรือ ๑๕ ส.ค. (แล้วแต่บ้าน)
เราเชื่อกันว่าวิญญาณบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วจะกลับมา
" โอโดริ" คือเต้นรำ
ที่จริงแล้วงานนี้ก็เลยจัดเพื่อไว้วิญญาณบรรพบุรุษค่ะ
แต่งานฤดูร้อนก็มีเรื่อยๆช่วงหน้าร้อน
เพราะโรงเรียนปิด ๑ เดือนครึ่งค่ะ
ร้อนขณะนี้หาอะไรสนุกๆจะดีกว่าค่ะ

วันพุธที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2555

หน้าร้อนจะค่อยๆหมด

ไปทะเลมา
กลางวันร้อนจนผิวจะไหม้
แต่ตอนเย็นมีลมเย็นพัดมา
ยังร้อนก็ร้อน
แต่ก็ได้รู้สึกว่าฤดูใบไม้ร่วงอมาใกล้ตัวเราแล้ว